กลับมาอีกครั้งกับ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์ ศึกแห่งศักดิ์ศรีของทีมร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ระหว่างทีมยักษ์ใหญ่ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง เอทิฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก พรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2565 เวลา 23.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งในเกมนี้ ทัพปีศาจแดง อาจจะต้องระเบิดฟอร์มอันร้อนแรงโดยไม่แผ่ว ไปจนตลอดระยะเวลา 90 นาที เนื่องจากต้องพยายามเก็บ 3 คะแนนจากคู่ปรับร่วมเมืองมาให้ได้ เพื่อการอยู่รอดต่อไปในอันดับ TOP 4 และได้สิทธิ์ไปเล่นในเกม ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าต่อไป ซึ่งในเกมล่าสุด ทัพปีศาจแดง ทำผลงานได้ไม่สู้ดีนัก เนื่องจาก เสมอ 0-0 กับทีมท้ายตารางอย่าง วัตฟอร์ด คารัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ส่วนทางด้านของ ทัพเรือใบสีฟ้า แม้จะรั้งอันดับจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ แต่ก็โดนทีมรองอย่าง หงส์แดง ไล่บี้เก็บคะแนนตามหลังมาติดๆ จนตำแหน่งจ่าฝูงก็เริ่มมีความสั่นคลอนบ้างแล้ว
ความพร้อมของ ทัพปีศาจแดง ทีมเยือน
แม้ว่า ราล์ฟ รังนิก กุนซือชั่วคราวชาวเยอรมัน จะพา ทัพปีศาจแดง ไม่แพ้ใครมาถึง 6 นัดรวมทุกรายการ แบบติดต่อกันก็ตามที แต่จากฟอร์มการแข่งขัน และผลงานที่ผ่านมาก็ยังคงเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะ แม้ไม่แพ้ใคร แต่ก็เป็นการทำได้แค่เสมอ มากถึง 4 นัดด้วยกัน ซึ่งฟอร์มโดยรวมของทีมมักจะฟิตต้น แผ่วปลาย และมีโอกาสครองบอลได้มากกว่าคู่แข่ง และมีโอกาสในการเข้าทำประตูหลายครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคว้าประตูมาให้กับทีมได้ โดยการแข่งขันนัดล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขาเปิดประตู โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ ทีมวัตฟอร์ด แต่พวกเขาทำได้เพียงแค่เปิดบ้านเสมอ 0-0 กับทีมอันดับท้ายตาราง แต่ก็ยังคงรั้งอันดับ TOP 4 เอาไว้ได้เช่นเดิม โดยในขณะนี้ ทีมดังจากถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด มีคะแนนอยู่ในตาราง 47 แต้ม จากการลงแข่ง 27 นัดด้วยกัน
ทางด้านความพร้อมของนักเตะ ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า แข้งตัวหลักของทีมอย่าง เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าชาวอุรุกวัย จะไม่ได้ลงทำการแข่งขัน เนื่องจากอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี รวมไปถึง สกอตต์ แมคโทมิเนย์ ที่มีอาการป่วยก่อนหน้านี้ด้วย แต่ล่าสุด ราล์ฟ รังนิก ได้เปิดเผยว่า กองหน้าประสบการณ์สูงอย่าง คาวานี่ หายบาดเจ็บ และกลับมาลงสนามซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว ซึ่งหัวหอกตัวทำประตูวัย 35 ปี คนนี้ ไม่ได้ลงช่วยทีมมากถึง 5 นัดติดต่อกันแล้ว เนื่องจากเขามีอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ และการไม่ได้ลงสนามช่วยทีมของเขา เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ทัพปีศาจแดง จบสกอร์ได้ยากในเกมที่ผ่านมาอีกด้วย โดย รังนิก ได้กล่าวอย่างมีลุ้นว่า
“ คาวานี่ กลับมาลงสนามซ้อมได้แล้วตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ผมคิดว่าเขาน่าจะพร้อมลงสนามเป็นกำลังหลักของทีมได้ในวันอาทิตย์นี้ เขาจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมไปแข่งที่ เอทิฮัด สเตเดี้ยม แน่นอน ”
จึงมีความน่าลุ้นว่า เอดิสัน คาวานี่ ดาวยิงมากประสบการณ์ อาจจะได้ลงเล่นในแดนหน้าเป็นตัวสำรองให้กับ กองหน้าตัวเป้าจอมล่าตาข่ายอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อย่างมากในเกมนี้ ส่วนทางด้าน สกอตต์ แมคโทมิเนย์ ก็ได้กลับมาลงสนามซ้อมแล้วเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า รังนิก น่าจะส่ง เฟร็ด และ ปอล ป็อกบา ลงเป็นคู่มิดฟิลด์กลางในเกมนี้มากกว่า ทั้งนี้ รังนิก ยังได้เปิดเผยว่า เขามีวิธีที่จะสามารถเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองได้ในเกมนี้ ซึ่งเขาได้เปิดเผยกับ แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ว่า
“ ผมมองว่าวิธีที่เราจะเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้นั้น ท้ายที่สุดแล้วมันขึ้นอยู่กับการคอนโทรลเกม ผมบอกกับลูกทีมทุกคนว่า ต้องคอยสร้างเกมที่กดดันให้กับพวกเขา อย่าปล่อยให้พวกเขาได้เล่นเกมกันอย่างง่ายๆ เพราะพวกเขาต้องการพื้นที่ในการเล่นเกมให้ได้มากที่สุด และต้องหาจังหวะในการแย่งบอล และรีบสร้างโอกาสให้ดีที่สุดในจังหวะเปลี่ยนเกม ซึ่งในวันอาทิตย์นี้ เราจะต้องทำให้พวกเขาเห็นว่า เราทำได้ ”
รายชื่อ 11 ผู้เล่น ที่คาดการณ์ว่าจะลงเล่นเป็นตัวจริง
ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา
กองหลัง : ดิโอโก้ ดาโลต์ , ราฟาเอล วาราน , แฮร์รี่ แมคไกวร์ , อเล็กซ์ เตลลิส
กองกลาง : มาร์คัส แรชฟอร์ด , เฟร็ด , บรูโน่ แฟร์นานเดส , ปอล ป็อกบา , เจดอน ซานโช
กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ความพร้อมของ ทัพเรือใบสีฟ้า ทีมเหย้า
ทัพเรือใบสีฟ้า ที่นำทีมโดย เป๊บ กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปนวัย 51 ปี ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง และกำลังอยู่ในช่วงลุ้นสถานะแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างหนัก หลังจากที่ ทีมลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ไล่บี้คะแนนตามหลังมาติดๆ ห่างกันเพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น เพราะเกมเมื่อคืนวันเสาร์ (5 มีนาคม) ที่ผ่านมา ทีมลิเวอร์พูล สามารถเฉือนเอาชนะ ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาได้ 1-0 กวาด 3 แต้มไล่หลังมาแบบหายใจรดต้นคอแล้วในขณะนี้ ทำให้บัลลังก์แชมป์ในตอนนี้ เริ่มมีความสั่นคลอนอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ทัพเรือใบสีฟ้า ก็เพิ่งโชว์ฟอร์มอันแข็งแกร่งในเกมล่าสุดด้วยการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก เอฟเอ คัพ ได้อย่างสำเร็จ โดยการเอาชนะ ทีมปีเตอร์โบโรห์ มาได้ด้วยสกอร์ 0-2 ด้วยเช่นกัน
โดยกุนซือแดนกระทิงดุเขาได้เตือนลูกทีมว่า ในเกมดาร์บี้แมตช์ในครั้งนี้ แม้บรรยากาศใน เอทิฮัด สเตเดี้ยม จะปลุกเร้าให้ฮึกเหิมเพียงใด ก็ต้องเล่นด้วยความระมัดระวัง และถนอมร่างกาย เพราะ ทีมจะไม่สามารถเสียผู้เล่นตัวหลักไปได้อีกแล้ว เพื่อเป้าหมายในการคว้าแชมป์ ซึ่งในตอนนี้ รูเบน ดิอาส กองหลังชาวโปรตุเกสกำลังหลักของทีม ได้รับบาดเจ็บตรง กล้ามเนื้อ และ เอ็นหลังหัวเข่า พร้อมกับ นาธาน อาเก้ กองหลังชาวดัตช์ ในเกม เอฟเอ คัพ ที่ลงทำศึกกับ ทีมปีเตอร์โบโรห์ ในนัดที่ผ่านมา โดย ดิอาส อาจจะต้องพักฟื้นยาวถึง 4-6 สัปดาห์ และอาจจะชวดการลงสนามถึง 7 นัดด้วยกัน อีกทั้งยังไม่สามารถใช้งาน แซ็ค สตีเฟน ผู้รักษาประตูชาวอเมริกัน และ โคล พาล์มเมอร์ กองกลางจากเมืองผู้ดี ที่บาดเจ็บจากในเกมก่อนหน้านี้ได้อย่างแน่นอน โดย เป๊บ กล่าวกับเว็บไซต์หลักของสโมสรว่า
“ ผมทราบดีว่า ดาร์บี้แมตช์ สำคัญกับแฟนบอลของพวกเราอย่างไร แต่เราไม่ได้มุ่งแต่จะเอาชนะเพื่อความสะใจ เราต้องคำนึงถึงเป้าหมายของทีม นั่นคือ แชมป์พรีเมียร์ลีก ทีมเราต้องการชัยชนะในครั้งนี้ เพราะเราต่างก็ทราบดีว่า คู่แข่งของเราขยับเข้ามาใกล้กับทีมเรามากแค่ไหน ซึ่งหากจะให้พูดตรงๆ นัดที่เหลือต่อจากนี้ เราต้องชนะทุกๆนัดเท่านั้นเพื่อแชมป์ ดังนั้นเราต้องไม่เล่นเกมด้วยความคึกคะนอง แต่เราต้องเล่นด้วยการควบคุมสติให้ได้ ”
รายชื่อ 11 ผู้เล่น ที่คาดการณ์ว่าจะลงเล่นเป็นตัวจริง
ผู้รักษาประตู : เอแดร์ซอน
กองหลัง : ไคล์ วอล์คเกอร์ , จอห์น สโตนส์ , แอมริก ลาปอร์ต , เจา คันเซโล
กองกลาง : เกฟิน เดอ บรอยน์ , โรดรี้ เอร์นานเดซ , อิลไค กุนโดกัน
กองหน้า : ราฮีม สเตอร์ลิง , ฟิล โฟเด้น , แบร์นาร์โด้ ซิลวา
สถิติเมื่อพบกันของทั้ง 2 ทีม ในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้
แน่นอนว่าในช่วงหลังที่ผ่านมานี้ ผลงานของ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีความเป็นต่อ และฟอร์มแข็งแกร่งมากกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเห็นได้ชัดและรู้อยู่แล้วว่า ทัพเรือใบสีฟ้า มีคะแนนเป็นจ่าฝูง 66 แต้ม และ ทัพปีศาจแดงนั้น รั้งอันดับที่ 4 มีคะแนน 47 แต้ม แต่หากเปรียบเทียบจากสถิติแล้วนั้น การพบกันของทั้ง 2 ทีมในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ สถิติเกมกลับสูสีกันอย่างมาก โดยแทบจะแยกกันไม่ออกเลยว่าทีมใดเป็นต่อ หรือ เป็นรอง ซึ่งจากสถิติที่ทั้ง 2 ทีมพบกัน 10 นัดหลังรวมในทุกๆรายการ แล้วพบว่า ทีมจากถิ่นเอทิฮัด ชนะไป 5 นัด ส่วน ทีมจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ชนะไป 4 นัด และเสมอกัน 1 นัด แต่อย่างไรก็ตาม หากนับสถิติการจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นเป็นทีมเยือน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นเป็นทีมเหย้า กลับกลายเป็นว่า ยูไนเต็ด มีผลงานที่เหนือกว่า ซิตี้ โดยเกมการแข่งขันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเยือน เอทิฮัด สเตเดี้ยม รวมทั้งหมด 21 นัดทุกรายการ มีสถิติ คือ ชนะไป 11 นัด เสมอไป 2 นัด และ แพ้ไป 8 นัด ดังนั้นนับได้ว่า ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่เดาทางได้ยากมากจริงๆ และคงต้องลุ้นกันว่าครั้งนี้ ทัพเรือใบจะถอนสมอแล่นเรือทิ้งผีให้จมน้ำ หรือว่า ทัพผีจะบุกหลอกชาวเรือจนหัวโกร๋น กันแน่