
จาดอน ซานโช นักเตะหนุ่มชาวอังกฤษอนาคตไกล ผู้เคยข้ามน้ำข้ามทะเลไปโด่งดังไกลถึงลีกเยอรมันกับ สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยอายุ ณ ขณะที่ย้ายไปเล่นยังลีกเยอรมันเพียง 17 ปีเท่านั้น โดยเขาได้ฝากผลงานไว้มากมายให้กับ ทัพเสือเหลือง ซึ่งผลงานที่เป็นที่โจษจันของเขา คือ ในฤดูกาลที่ 2018-19 เขาสามารถสร้างสถิติเลี้ยงบอลหนีคู่แข่งได้มากที่สุดติด 1 ใน 10 ของ บุนเดสลีกาลีก ลีกยักษ์ใหญ่ในเยอรมัน ทั้งยังเป็นนักเตะที่สามารถทำประตู และ มีส่วนร่วมในการทำประตูให้กับต้นสังกัดได้มากมายอีกด้วย นับได้ว่าเขาเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ถือกำเนิดใหม่ ที่น่าจับตามองอย่างมากอีกคนเลยทีเดียว ซึ่งสถานะในปัจจุบันของ จาดอน ซานโช เขาได้ย้ายกลับมาเล่นยังลีกอังกฤษ ลีกบ้านเกิด โดยสังกัดเป็นนักเตะของ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ที่เป็นเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และจะสามารถพาสโมสรแห่งถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
จาดอน ซานโช กับ ชีวิตในวัยเด็ก
ปีกหนุ่มแห่งความหวังคนนี้ มีชื่อเต็มว่า จาดอน มาลิค ซานโช (Jadon Malik Sancho) เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ในปี 2000 ที่เมืองแคมเบอร์เวลล์ เมืองทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยพ่อและแม่ของเขาได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาจาก ประเทศสาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก โดยได้ให้กำเนิด ซานโช และน้องสาวอีกหนึ่งคนที่เมืองแคมเบอร์เวลล์ จึงทำให้ ซานโช และน้องสาวของเขาได้รับสัญชาติอังกฤษไปโดยปริยาย ซึ่งพื้นฐานชีวิตในวัยเด็กของเขานั้น ครอบครัวมีความยากจน พ่อมีอาชีพรักษาความปลอดภัย ส่วนแม่ทำหน้าที่แม่บ้านเพื่อดูแลทุกคนในครอบครัว
เขาและน้องสาวได้รับโอกาสเข้าเรียนที่โรงเรียนในท้องถิ่นแห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยอบายมุขทั้งหลาย แต่ด้วยความที่ ซานโช นั้น มีความสนอกสนใจในกีฬาฟุตบอลอย่างมากตั้งแต่เด็ก ยิ่งเมื่อเข้าได้รับการฝึกฝนในทุกๆวัน ทำให้นานวันเข้าเขาได้เกิดความหลงใหลและจริงจังในกีฬาประเภทนี้ แม้ในเวลาว่าง เขาก็ได้ไปเล่นฟุตบอลกับเด็กๆ และเพื่อนๆของเขาตามตรอกซอกซอย โดยไม่เคยสนใจกับสิ่งยั่วยุ อบายมุขต่างๆรอบตัวเขาเลย โดยเขาเคยกล่าวไว้ว่า
“ สิ่งแวดล้อมรอบข้างผม มีแต่คนทำเรื่องที่ไม่ดีมากมายเต็มไปหมด แต่ผมก็แค่อยากเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆของผมเท่านั้น ผมไม่อยากเป็นคนหนึ่งที่ทำเรื่องไม่ดี เหมือนคนอื่นๆในย่านที่ผมอาศัยอยู่ ”
จาดอน ซานโช กับ การก้าวสู่เส้นทางลูกหนัง ในระดับเยาวชน
จาดอน ซานโช เขาดำเนินชีวิตในทุกๆวันด้วยการมีฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เขาชื่นชอบในสโมสรแห่งเมืองหลวงที่เขาอาศัยอยู่อย่าง เชลซี เป็นอย่างมาก มี แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นนักเตะที่เขาชื่นชอบและเป็นแรงบันดาลใจ โดยเขามักจะเล่นและฝึกซ้อมกับเพื่อนสนิทอีก 2 คนของเขาที่ชื่อว่า รีสส์ เนลสัน (Reiss Nelson , ปัจจุบันเป็นนักเตะของสโมสร อาร์เซนอล) และ เอียน คาร์โล โพเวดา (Ian Carlo Poveda , ปัจจุบันเป็นนักเตะของ ลีดส์ ยูไนเต็ด) จนวันหนึ่งที่เขาเล่นฟุตบอลเช่นเคยอยู่นั้น เซยส์ โฮล์มส์ ลูอิส (Sayce Holmes Lewis) โค้ชจาก สโมสรวัตฟอร์ดได้เห็นพวกเขาที่กำลังฉายแววอยู่ในสนาม ได้เกิดความประทับใจและเห็นถึงความสามารถ จึงได้ชักชวนพวกเขาไปเป็นเด็กฝึกในอคาเดมีของ สโมสรวัตฟอร์ด จาดอน ซานโช ซึ่งในขณะนั้นอายุเพียง 7 ขวบ ก็ได้ตัดสินใจตามคำแนะนำ และเข้าเรียนที่โรงเรียน Harefield Academy ซึ่งเป็นอคาเดมีเยาวชนของ วัตฟอร์ด หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของอังกฤษ
หลังจากนั้นเมื่อเขาอายุได้ 11 ปี เขาก็ฉายแววจนได้ก้าวขึ้นมาเป็น นักฟุตบอลในชุดไม่เกิน 11 ปี (U-11) ของ วัตฟอร์ด และเป็นนักเตะที่มีส่วนให้ทีมได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันในระดับ U-11 โดย หลุยส์ ลันคาสเตอร์ โค้ชของทีม U-15 ของ วัตฟอร์ด ได้เคยกล่าวถึงความมุ่งมั่นในการฝึกฝนของ ซานโช ไว้ว่า “ เขาพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แทบทุกครั้งที่เดินผ่านเขา ผมมักจะเห็นเขานั่งดูคลิปของ โรนัลดินโด้ และ เนย์มาร์ อยู่ตลอดเวลาเลยหละ ” จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นนักเตะที่ มีความรวดเร็ว และ ไหวพริบดี ตามนักเตะต้นแบบที่เขาชื่นชอบ และหลังจากนั้น เขากลายเป็นที่จับตามองของสโมสรยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ลีก อีก 2 ทีม คือ อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตอนนั้น เขาได้ปฏิเสธทีม เดอะ กันเนอร์ ไปด้วยเหตุผลที่ว่า เขารัก วัตฟอร์ด เพราะ เขามีความสบายใจที่อยู่ที่ วัตฟอร์ด และที่นี่ดูแลและให้การศึกษาแก่เขาอย่างดี
หลังจากนั้นในปี 2015 ขณะที่เขาอายุ15 ปี เขาได้ย้ายไปอยู่ในทีมเยาวชนอคาเดมีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 66,000 ปอนด์ แต่จะเพิ่มเติมได้ตามเงื่อนไขหากเขาสามารถทำได้ในอนาคตถึง 500,000 ปอนด์ โดยเมื่อเขาย้ายมายัง เรือใบสีฟ้า เขาก็ได้พัฒนาฝีเท้าขึ้นไปอีกระดับหนึ่งอย่างก้าวกระโดดสุดๆ จนขนาดที่ว่า คัลดูน อัล มูบารัค ประธานสโมสร ได้ออกมากล่าวว่า เขาจะได้รับการผลักดัน สนับสนุน เข้าสู่ทีมชุดใหญ่อย่างแน่นอน
จนกระทั่งในปี 2017 สโมสรเรือใบสีฟ้า ต้องการเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ ซานโช เพราะเขาเป็นที่ต้องการของสโมสรอีกหลายทีมมากๆ แต่เจ้าตัวก็ได้ยื่นข้อเสนอกับสโมสรว่า จะยอมเซ็นสัญญา หากสโมสรให้เขาได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ ซึ่ง เปป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมชุดใหญ่ของ ทัพเรือใบสีฟ้า ก็รับปากว่าจะดึงเขาลงเล่นชุดใหญ่อย่างแน่นอน แต่ในขณะนี้ เขาจะต้องค่อยๆเริ่มจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน และอีกอย่าง ในขณะนั้นมีนักเตะรุ่นพี่ ฝีเท้าระดับพระกาฬอยู่แน่นทีม เช่น เควิน เดอ บรอยน์ , ราฮีม สเตอร์ลิง , แบร์นาโด้ ซิลวา เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ยากมากหากดาวรุ่งวัยเพียง 17 ปี จะลงสนามได้ทันทีทันใด ด้วยความใจร้อนตามประสาเด็ก เมื่อตกลงกันไม่ได้อย่างลงตัว จาดอน ซานโช จึงได้ย้ายสโมสรไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่ง บุนเดสลีกาลีก ลีกสูงสุดของเยอรมัน ทันที
จาดอน ซานโช กับ การก้าวสู่นักเตะระดับอาชีพ
จาดอน ซานโช ได้ตกลงย้ายทีมไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2017 ในวัย 17 ปี ทัพเสือเหลือง ได้จ่ายค่าตัวจำนวน 8 ล้านปอนด์ และให้คำมั่นสัญญากับ ซานโช ว่า เขาจะได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่อย่างแน่นอน มากไปกว่านั้น ทัพเสือเหลือง ยังมอบเสื้อหมายเลข 7 ให้กับเขาสวมใส่อีกด้วย ซึ่งแต่เดิมเป็นของ อุสมาน เดมเบเล่ ที่ได้ย้ายไปยัง สโมสรบาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมเลยทีเดียว โดยเขากล่าวว่า
“ ครั้งนี้เป็นการก้าวออกจากบ้าน เพื่อไปเติบโตในอีกระดับหนึ่งที่ต่างประเทศครั้งแรกของผม มันเป็นเรื่องที่ยากที่ต้องห่างกับครอบครัวของผม ผมไม่เคยเจอกับอะไรแบบนี้มาก่อน และไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับที่นั่นได้ดีมากน้อยแค่ไหน ผมแค่ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และผมมีความพร้อมอย่างมากกับทีมชุดใหญ่ ผมต้องการจะได้ทำอะไรที่แตกต่างออกไปจากที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และการได้ย้ายไปเล่นในลีกเยอรมัน ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอาชีพนักฟุตบอลของผม ”

สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2017-2021)
เมื่อเขาย้ายไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2017 เขาก็ใช้เวลาในการเล่นให้กับทีมชุดเล็กไม่นาน และได้รับการไว้วางใจให้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ ในฤดูกาล 2017-18 ด้วยวัยเพียง 17 ปี และได้รับเลือกให้สวมเสื้อหมายเลข 7 ของทีม และเขาก็ไม่ทำให้ ทัพเสือเหลือง ผิดหวัง ในฤดูกาลนี้ เขาลงสนามไป 12 นัด ยิงประตูไปได้ 1 ประตู ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ลงแข่งขันกับ ทัพเรือใบสีฟ้า โดยซัดเอาชนะอดีตต้นสังกัดเก่าไปได้ 1-0 ซึ่งผลงานในครั้งนี้ ทำให้เขาทำลายสถิติเป็น นักเตะสัญชาติอังกฤษที่อายุน้อยที่สุด ที่ทำประตูได้ในลีกเยอรมัน และเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกที่ทำประตูใน ทัพเสือเหลือง ได้เป็นคนแรกอีกด้วย
จากนั้นในฤดูกาลที่ 2018-19 เขาก็ได้ปรับตัวกับ ทัพเสือเหลือง ได้เป็นอย่างดี และเป็นที่รักของแฟนบอลอย่างมาก เพราะเขาได้ระเบิดฟอร์มอันร้อนแรงของเขา ก้าวขึ้นมาสู่นักเตะกำลังหลักของทีม โดยลงสนามไป 34 นัด ทำประตูไปได้ถึง 12 ประตู กับอีก 18 แอสซิสต์ จึงทำให้เขาได้รับตำแหน่ง จอมแอสซิสต์ของลีก ไปอย่างไม่มีข้อกังขา และได้รับรางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยมในบุนเดสลีกา ซึ่งเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้ารางวัลนี้มาได้
และในฤดูกาล 2019-20 ความสำเร็จของ ซานโช ก็ยิ่งพุ่งไปไกลเพิ่มขึ้น โดยเขาลงสนามให้กับ ทัพเสือเหลือง 44 นัด ทำประตูไปถึง 20 ประตู กับอีก 20 แอสซิสต์ ต่อเนื่องมาในฤดูกาล 2020-21 ฟอร์มของเขาก็ไม่ได้แผ่วเบาลง เขายังคงทำผลงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ให้กับทีม โดยในฤดูกาลนี้ เขาซัดไปทั้งหมด 16 ประตู กับอีก 20 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า ฝีเท้าของเขานั้นครบเครื่องทั้งการจบเกมเอง และการทำแอสซิสต์ และได้รับการขนานนามว่า เป็นปีกที่ดีที่สุด แห่ง บุนเดสลีกา โดยการที่เขาสามารถโชว์ลีลาในตำแหน่งริมเส้นด้านขวาได้อย่างเหนือชั้น จนสามารถติด 1 ใน 10 ผู้เล่นที่เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้มากที่สุดในลีกดังของยุโรปถึง 5 ลีกด้วยกันเลยทีเดียว จนเขาเป็นที่สนใจของหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป อาทิ ลิเวอร์พูล , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ปารีสแซงต์- แฌร์แมง , เรอัล มาดริด แม้กระทั่ง ต้นสังกัดเก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่เขาก็อยู่เล่นให้กับ เสือเหลือง ไปจนจบฤดูกาล

สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2021-ปัจจุบัน)
ด้วยฟอร์มอันเฉียบคม และพุ่งไม่หยุดของเขา ทำให้ ซานโช เป็นที่ต้องการของสโมสรยักษ์ใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ประกาศกร้าวว่า ค่าตัวของ จาดอน ซานโช นั้นสูงถึง 100 ล้านปอนด์ และจะไม่ยอมลดลงอย่างเด็ดขาด แต่แล้วในท้ายที่สุด สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ยอมลดละในการคว้าตัว ปีกคนดังของ ทัพเสือเหลือง ก็สามารถปิดดีลกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้เมื่อเดือน กรกฎาคม ปี 2021 ด้วยค่าตัวถึง 73 ล้านปอนด์ เพราะ เนื่องมาจากพิษของโรคระบาด covid-19 จึงทำให้ทุกสโมสรต่างต้องประหยัดค่าใช้จ่ายของตนลง รวมไปถึงจำนวนค่าตัวนักเตะ ที่ประเมินค่าตัวไว้สูงๆหลายรายก็ต่างลดลงตามเศรษฐกิจในตอนนั้นตามไปด้วย และอีกทั้งสัญญาของ ซานโช กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งกำลังจะหมดลง ในปี 2023 ซึ่ง ทัพเสือเหลือง จะต้องรับความเสี่ยงที่จะต้องเสียแข้งคนสำคัญไปแบบฟรีๆ พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องตัดใจขาย ปีกจอมแอสซิสต์ ของเขาให้กับ ทัพปีศาจแดง แม้ว่าพวกเขาจะขาดทุนไปเยอะก็ตาม

จาดอน ชานโช เข้ามายัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการสวมเสื้อหมายเลข 25 และด้วยพรสวรรค์ของเขา ที่สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งปีกขวาธรรมชาติ ที่รวดเร็ว เลี้ยงบอลดี และปิดเกมได้อย่างเฉียบขาด , ตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้าย และในตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 10 เพราะเขามีความสามารถที่เล่นได้ด้วยเท้าทั้งซ้ายและขวา และมีความสามารถในการจ่ายบอลแบบที่เรียกว่า คิลเลอร์พาส อีกด้วย
แต่แล้วในช่วงแรกที่เขาย้ายมาเล่นให้กับ สโมสรในบ้านเกิดในยุคของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ฟอร์มของเขากลับตกลงจากเดิมจนหลายฝ่ายแปลกใจ โดยเขาไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ได้เลยในช่วงแรก จนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ฟอร์มของเขาไม่แรงเหมือนค่าตัวเอาเสียเลย แต่เมื่อเขาได้ปรับตัว และได้รับความไว้ใจให้ลงสนามอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังมานี้ ทำให้ผลงานของเขากลับมาดีขึ้นอีกครั้ง โดยปัจจุบันเขาลงสนามให้กับ ทัพปีศาจแดง ไปแล้วกว่า 25 นัด ทำประตูไปได้ 3 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ แม้ว่าผลงานยังไม่มากมายเหมือนที่เขาทำไว้กับ เสือเหลือง แต่ฟอร์มของเขาก็โดดเด่นอย่างมากสำหรับ ทัพปีศาจแดง และนับได้ว่าเขาคือนักเตะกำลังหลัก และเป็นความหวังของทีมอีกหนึ่งคน ที่จะพาสโมสรแห่งถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด กลับมายิ่งใหญ่และมีผลงานที่ดีได้อีกครั้ง

จาดอน ซานโช กับ การเล่นในทีมชาติอังกฤษ
จาดอน ซานโช สามารถติดทีมชาติอังกฤษ ตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยติดทีมชาติมาตั้งแต่
- ชุดเยาวชนทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี (U-16) ลงเล่น 11 นัด ทำประตูไป 7 ประตู
- ชุดเยาวชนทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี (U-17) ลงเล่น 18 นัด ทำประตูไป 14 ประตู
- ชุดเยาวชนทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี (U-19) ลงเล่น 7 นัด ทำประตูไป 2 ประตู
โดยมีผลงานที่โดดเด่นมากๆด้วยการคว้า แชมป์ฟุตบอลโลก และ รองแชมป์ฟุตบอลยูโร เมื่อปี 2017 ในปีเดียวกันสองรายการ และสามารถติดทีมชาติชุดใหญ่เมื่อปี 2018 และลงสนามในนามทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในเกม ยูฟ่า เนชันส์ ลีก และในปี 2020 เขาสามารถทำประตูแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ได้ใน การแข่งขันฟุตบอลยูโร รอบคัดเลือก
โดยต่อมา แกเร็ท เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ ได้เรียกตัวเขาให้ติด 1 ในนักเตะที่ได้ไปแข่งขันในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่ง ทัพสิงโตคำราม ก็ทำผลงานได้ดี โดยได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายจุดโทษให้กับ อิตาลี 2-3 และคว้า ตำแหน่ง รองแชมป์ฟุตบอลยูโร ไปครอง ซึ่งล่าสุดในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ซานโช ไม่ได้รับการคัดเลือกจาก เซาธ์เกต ให้ติดทีมชาติในปีนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากของแฟนบอลอังกฤษ เนื่องจาก ซานโช มีฟอร์มที่กำลังดีมาอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว

จาดอน ซานโช กับ สไตล์การเล่นของเขา
จาดอน ซานโซ เติบโตมาด้วยการฝึกซ้อม โดยที่เขามักจะชอบดูวิดีโอการแข่งขัน และสไตล์การเล่นมาจาก โรนัลดินโญ่ และ เนย์มาร์ 2 นักเตะผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลก ทำให้เขามีสไตล์การเล่นคล้ายๆกับไอดอลของเขา ซึ่งเขามีทักษะการเล่นที่รวดเร็ว คล่องแคล่ว และจับบอลได้ดี จุดเด่นของเขาคือ สามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้อย่างดี และส่งบอลได้แม่นยำ ทำให้เขาสามารถส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ขึ้นทำประตูได้อย่างมากมาย จนเขาได้รับฉายาว่า “ The assist king และ The Rocket ” หรือ ผู้เล่นจอมแอสซิสต์ และ ผู้เล่นที่รวดเร็วเหมือนจรวด จากแฟนบอลไปครอง
จาดอน ซานโช กับ ผลงานและเกียรติประวัติ
ระดับสโมสรอาชีพ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)
- แชมป์เดเอฟเบ-โพคาล หรือ เยอรมันคัพ ฤดูกาล 2020-21
- แชมป์เดเอฟเอล ซูเปอร์คัพ ในปี 2019
- ทีมยอดเยี่ยม แห่ง บุนเดสลีกา ลีก ในฤดูกาล 2018-19
- ทีมยอดเยี่ยม แห่ง บุนเดสลีกา ลีก ในฤดูกาล 2019-20

ระดับทีมชาติ (ทีมชาติอังกฤษ)
- รองแชมป์ฟุตบอลยูโร ปี 2020
- แชมป์ฟุตบอลโลก ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน17 ปี ในปี 2017
- รองแชมป์ฟุตบอลยูโร ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ในปี 2017
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมในการแข่งขันฟุตบอลยูโร ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ในปี 2017